30 ก.ค. 2553

ชีวิตคนเรามีแค่นี้หรือ







เช้าวันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่กลับลูกชาย
ช่วงเช้าเอ๋ยถามลูกว่าวันนี้ไม่ไปโรงเรียนหรือ ลูกเอยขึ้นมาว่า
“ชีวิตคนเรามีแค่นี้หรือ เรียนหนังสือ แล้วทำงาน แล้วก็ตาย?”
เจอคำถามหรือคำบ่นก็ไม่รู้ แบบนี้ทำเอาผมอึ้งไปเลย
นั่งทำใจอยู่พักใหญ่ว่าจะตอบลูกว่าอย่างไรดี จึงตอบไปว่า
คนที่มีชีวิตยังต้องมีการ
พัฒนาและได้รับโอกาสในการพัฒนาไม่ว่าเราจะเรียนหนังสือหรือทำงาน
เราสามารถพัฒนาได้ทั้งนั้น เป็นการพัฒนาให้เกิด “สติ”
ให้เกิด “ปัญญา” เพื่อที่ว่าเราจะได้ “หลุดออก” วัฎจักรกงกรรมกงเวียน
เฉกเช่นเดี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โชคดีลูกที่เราได้เกิดมา “เป็นคน”
เราจึงมีโอกาสที่จะได้พัฒนาตนไปสู่สิ่งที่ สูงกว่า เอนี่เรากำลังพูดอยู่
ลูกที่เป็นวัยรุ่นแล้วจึงถามกลับไปว่าทำไมจึงถามเรื่องลูกตอบว่า
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนเราต้องใช้เวลาครึ่งค่อนชีวิต
อยู่กับตำรับตำราและการเรียนการสอน แต่ก็ลองคิดเอาดูน๊ะ
ครับเราใช้เวลากับชีวิตอย่างไร
อายุ 1-3.5 ปี อยู่กลับพ่อแม่ที่บ้าน
3.5-23-24 ปี อยู่กลับการเรียน โรงเรียน
25-60 อยู่กับการทำงาน – เรียนเพิ่ม
60 ปีขึ้นไป เที่ยวถ้าไปไหว
ป่วยไปโรงพยาบาลหาหมอ
แล้วเราให้อะไรกับชีวิตของเรามากไปกว่านี้อีก
หรือต้องใฝ่หาสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตอีกใฝ่คว้าสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมหรือทำให้เหมือนคนอื่นที่เขาสามารถทำได้
เช่นนั้นมันช่างเป็นคนที่น่าสงสารยิ่งนัก


(ฟ้าเป็นของนก ดินเป็นของทุกคน แผ่นดินมีพรมแดน
ชีวิตมีเผ่าพันธ์ อยู่ร่วมกันเถอะหนา มนุษย์ตาดำ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น