26 พ.ค. 2553

ลักษณะ คน 6 ประเภท




ประเภทที่ 1 ไม่รู้ไม่ชี้ คือคนไม่รับผิดชอบ






ประเภทที่ 2 ไม่รู้แล้วชี้ คือคนอวดตัว หลงตัว

ประเภทที่ 3 ไม่รู้แล้วไม่ชี้ คือคนซื่อตรง คนรู้ตัว

ประเภทที่ 4 รู้แล้วไม่ชี้ คือคนเห็นแก่ตัว ใจดำ

ประเภทที่ 5 ชี้แล้วไม่รู้ คือคนขอไปที คนไม่รู้จริง

ประเภทที่ 6 รู้แล้วชี้ คือบัณฑิต ครู ผู้ประเสริฐ

25 พ.ค. 2553

เข้าป่าเตรียมอาหารอย่างไรดี





การเตรียมอาหารก่อนเข้าป่า
ป่า คือ ป่า เอาอะไรแน่นอนอะไรไม่ได้ อย่าประมาท ในช่วงที่เข้าไป ถ้า
ท่านไปติดป่าจะได้ไม่อด หรือหิวจนเป็นลม ควรเตรียมอาหารสำรองไปทุกครั้ง นอกเหนือจากอาหารหลัก ๆ สิ่งที่จำเป็นอันดับแรกคือ “ข้าวสาร” อันนี้สำคัญที่สุด ถ้าไม่มีข้าวเข้าป่าก็อย่างเข้าไป อย่างคิดว่าในป่าจะมีให้เราเหมือนอยู่ด้านนอก เดินออกถนนก็เข้าซุปเปอร์มาเก็ตแล้วอยากกินอะไรก็ได้กิน และสิ่งของที่ไม่เป็นภาระและต้องใช้ประเภทพกพาง่าย เสียยาก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พริกแห้ง หอม กระเทียม เกลือ น้ำพริก น้ำปลา น้ำตาล พริกป่น ผงปรุงรส มะขาม มะนาว พริกขี้หนูสด ตะใคร้ ใบกระเพรา เครื่องแกงเผ็ด เครื่องแกงส้ม นำเข้าป่าไม่ต้องมาก แต่ต้องมีหากทุกคนเตรียมไป หลาย ๆ คนก็จะมีจำนวนมากเอง อาหารจำพวกนี้มีไว้ไม่เสีย ไม่เปลืองเนื้อที่มากนัก ติดไว้ทุกครั้งที่เดินทาง สักวันหนึ่งจะรู้ว่าการกิน มาม่าในป่าอร่อยกว่าในเมืองมากมายนัก คนเที่ยวป่า เดินป่าในอดีตเคยมีการนำอาหารสดโดยเฉพาะอาหารจำพวก เนื้อ ไก่ เป็ด ปัจจุบันเมื่อการเข้าป่าใช้เวลาน้อยลง ขืนใครนำไก่เป็นๆ เข้าป่าคงดูตลกพิลึก อาหารที่สามารถเก็บไว้นาน ๆ ซึ่งมีความจำเป็นในการใช้ชีวิตในป่า ตลอดจนถึงเรื่องเก็บไว้ได้นานๆ ได้แก่ปลาหมึกแห้งชนิดที่เป็นตัวใหญ่ ๆ แผ่ตากแห้งแล้วเป็นอาหารที่เก็บไว้ได้นานทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดเผ้ด ต้มยำ แกงจืด ผัดใส่ผักต่าง ๆ “ฉะนั้นเข้าป่าทุกครั้งอย่างลืมป่าหมึกแห้ง”

อาหารสดทำไงดี
นักเดินป่าในอดีตเคยมีการนำอาหารสดโดยเฉพาะอาหารจำพวกเนื้ออาทิ เนื้อ ไก่ เป็ด หรือสัตว์ที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่นักเข้าไปเป็น ๆ เพื่อความสดของอาหาร เนื่องจากการเข้าป่าของคนในอดีตส่วนใหญ่จะใช้เวลาในป่าค่อนข้างนาน แต่บางคนก็อาจจะใช้วิธีล่าสัตว์ป่าเพื่อเอาเนื้อมาเป็นอาหารแทน ในยุคสมัยที่สัตว์ป่าบ้านเรายังชุกชุมและไม่มีกฎหมายบังคับ จึงเป็นคำบอกเล่าที่เรายังได้ยินได้ฟังจนถึงทุกวันนี้ว่า การเข้าป่าแต่ละครั้งจะเอาเพียงแค่ข้าวสารพร้อมเครื่องปรุงเข้าไปเท่านั้น ส่วนกับข้าวไม่ว่าจะเป็นเนื้อและผักไปหาในป่า ขืนปัจจุบันคิดแบบนั้นคงอดตายแน่ เนื่องจากป่าในวันนี้ไม่ได้ มีความสมบูรณ์ในทุกด้านเหมือนในอดีต สัตว์ป่าทั้งหลายก็มีข้อบังคับในเรื่องกฎหมาย ขณะที่พวกผัก เชื่อได้เลยว่าวันนี้เรามีความเข้าใจในเรื่องธรรมชาติเหล่านี้น้อยมาก เพราะผักในธรรมชาติมีทั้งที่มีพิษและไม่มีพิษ คนที่จะบอกว่าต้นไหนกินได้ ต้นไหนกินไม่ได้ ก็จะเป็นพราน หรือชาวบ้านที่หาของป่า และชาวเขาที่อาศัยอยู่ในป่า แต่สำหรับคนเมืองแล้วแทบจะควานหาตัวในยากเต็มที แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่นำทางก็เถอะ เพราะเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้มากกว่า เรามีอาหารกระป๋องหลากหลายชนิดมาทดแทนจนแทบไม่ต้องเสียเวลาที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารจากธรรมชาติ จะว่าเป็นโชคดีกับผลิตผลจากธรรมชาติเหล่านี้ก็ได้ แต่ก็น่าเสียดายหากคนรุ่นหลังอย่างพวกเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงความเป็นป่าที่แท้จริง ปัจจุบันเมื่อการป่าใช้เวลาน้อยลง ขืนใครนำไก่เป็น ๆ ป่าไปด้วยคงถูกข้อหาว่าบ้าแน่นอน เนื่องจากเรามีวิธีในการนำอาหารประเภทเนื้อสัตว์เหล่านั้นได้หลายวิธี วิธีที่น่าสนใจและใช้ได้ผลดีที่สุดคือ "การรวนเค็ม" ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บอาหารประเภทเนื้อสัตว์นั้นได้อย่างน้อยที่สุดสองถึงสามวัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากสภาพอากาศค่อนข้างร้อนระยะเวลาก็จะสั้นลงนอกจากการรวนเค็มแล้ว การตากแห้งก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถเก็บอาหารได้ค่อนข้างนานกว่า แต่จะมีปัญหาในเรื่องนำมาเป็นส่วนผสมกับอาหารชนิดอื่น ๆ ได้ค่อนข้างยากกว่าการรวนเค็ม ส่วนพวกอาหารสดที่หาได้จากธรรมชาติเช่นพวกปลา ซึ่งก็ไม่ควรจะใช้มากเกิดกว่าความจำเป็น หากใช้ไม่หมดวิธีการที่จะเก็บได้นานก็หนีไม่พ้นเรื่องการแล่เนื้อปลาออกมาตากแห้ง หรืออบด้วยความร้อนจนแห้ง และอีกวิธีหนี่งที่ชาวเขาทั้งหลายใช้ได้แก่การทำส้ม โดยนำเนื้อสดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมเข้ากับกระเทียมที่บดละเอียดกับเกลือพอประมาณผสมให้เข้ากันกระเทียมกับเกลือจะรักษาความสดของเนื้อได้นานหลายวันไม่เชื่อก็ไปทำดู หรือหากจะให้นานก็ทำส้มเนื้อโดยใส่ข้าวสุกคลุกเคล้าให้เข้ากันเท่านี้ก็เก็บอาหารสด ๆ ได้แล้ว

ไข่ทำยังไงไม่ให้แตก...
ไข่ถือเป็นอาหารพื้นฐานสำคัญของคนไทยโดยเฉพาะไข่เจียวยอดฮิต แต่ก็บ่อยครั้งที่ต้องอดเพราะไข่เกิดแตกระหว่างการเดินทางหากขนาดมีอุปกรณ์ป้องกันแล้วยังมีโอกาสแตกได้ อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างต้องเดินป่าเป็นระยะเวลาไกล ๆ หากเป็นไข่ไม่กี่ลูกวิธีเก็บที่ได้ผลและผ่านการพิสูจน์มาแล้วคือ "ใช้กระดาษห่อไว้อีกชั้นหนึ่ง" ก่อนที่จะบรรจุลงในหม้อสนามปิดฝาให้สนิทอย่าให้มีช่องว่างในหม้อสนาม ถ้ามีช่องว่างมากจะทำให้มันแกว่งไปแกว่งมาได้ โอกาสที่จะแตกก็มีอยู่เหมือนกัน หรือไม่ก็ใช้วิธีนำไข่ไปแทรกตัวอยู่กับวัสดุสิ่งของนิ่ม ๆ ที่ใช้ได้ผลคือ "ข้าวสารโดยเก็บไว้ในหม้อสนาม" เช่นเดียวกัน แต่มีวิธีอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลได้แต่ "การตีไข่ให้แตกแล้วเก็บไว้ในขวาดพลาสติกใส่น้ำมันให้ท่วมใข่ ซึ่งวิธีนี้จะรักษาความสดของไข่ไว้ได้นานเนื่องจากน้ำมันจะเป็นตัวห่อใช่ไม่ให้เสียได้...

ผักอะไรบ้างที่เก็บได้นาน...
ผักที่มีอายุการใช้งานยืนยาวเท่าที่ประสบการณ์มีอยู่มีอยู่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น เด่นที่สุดเห็นจะเป็นเจ้า "กะหล่ำปลี" พระเอกตลอดกาลของเรา ระวังก็แต่ยาฆ่าแมลงแล้วกัน เนื่องจากกะหล่ำปลีเป็นผักที่ชาวเขาปลูกกันค่อนข้างมาก นอกจากนี้ก็มีพวก "ตระกูลถั่ว" ซึ่งสามารถเก็บได้นานหลายวันไม่แพ้กัน โดยเฉพาะถั่วผัดพริกแกงนี่ถือเป็นอาหารยอดฮิตของเหล่านักเดินป่าเลยแหละ ผักคะน้าก็เก็บได้พอสมควรแต่ใบจะค่อนข้างเน่าเร็วหน่อย การจัดเตรียมอาหารที่จะใช้งานในแต่ละวันควรจะให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของผักเหล่านั้น ไม่ใช่ใช้ถั่วก่อนคะน้าเข้าป่าคงไม่สามารถสนองความต้องการปากได้ทุกอย่างหากมันทำให้เราต้องทิ้งเสบียบบางส่วนไปโดยเปล่าประโยชน์

24 พ.ค. 2553

เตรียมตัวอย่างไร..เมื่อจะต้องไปเดินป่า



เตรียมตัวอย่างไร..เมื่อจะต้องไปเดินป่าเพื่อความพร้อมของท่านที่จะไปเดินป่า สัมผัสธรรมชาติ เชื่อไว้สักนิดงานนี้ไม่คิดตัง ...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ***
อันดับแรก
1.หมวก แบบมีสายรัด หรือหมวกแก็บดีกว่า ไม่เกะกะ
2. เสื้อผ้า ไม่ต้องขนไปเยอะ
- เสื้อ ใส่เดิน ควรใช้แขนยาว กันรอยขีดข่วน แต่จะร้อน แขนสั้นก็ได้ แล้วแต่สะดวกเสื้อใส่นอน ในป่าอากาศหนาวตลอดทั้งปี สั้นหรือยาวก็ได้ เสื้อกันหนาวไม่ต้องเล่นขนาดบิ๊กก็ได้ เอาแค่ใส่เป้ได้ก็พอ
-กางเกงเดิน แนะนำกางเกงผ้าร่มไม่มีซับใน ชนิดแห้งไว หรือผ้าไม่หนามาก-กางเกงนอน ก็ยังแนะนำผ้าร่ม ชนิดมีซับใน อุ่นดี ข้อดีของผ้าร่ม พับเก็บแล้วน้ำหนักเบา ชุดเดียวเที่ยวไปทั้งเดือน
-ผ้าถุงสำหรับหญิง ผ้าขาวม้าสะดวกดีสำหรับชาย อย่านำผ้าขนหนูใหญ่ ๆ ไม่แนะนำ ถ้าเปียกน้ำแล้วจะรู้ว่าความหนักเป็นอย่างไร โดยเฉพาะหน้าฝน
3. ถุงนอน จำเป็นเพราะในป่าหนาวตลอดไม่ว่าจะเป็นฤดูไหนเป็นแบบ

ใช้ในประเทศไทย
4. ถุงกันทาก จำเป็นสุด ๆ สำหรับพื้นที่ในภาคใต้ต้องมี แต่ทางเหนือถ้ามีก็ไม่แปลก
5. ถุงเท้าอย่างน้อย 2 คู่ ใส่เดิน ใส่นอน
6. รองเท้าส่วนใหญ่จะเป็นผ้าใบ ไม่ได้โฆษณาให้นะครับ จะเป็นนันยาง เบรคเกอร์ 4x4 หรือผ้าใบชนิดน้ำหนักเบา ใส่สบาย หรือเคยใส่ประจำ ไม่แนะนำรองเท้าคู่ใหม่ ๆ นะส่วนใหญ่จะกัด ส่วนที่แนะนำรองเท้าจีนแดงสีเขียว ๆ 120 บาท ก็ได้ เลือกเบอร์ที่ใหญ่กว่าเคยใส่ซักหนึ่งเบอร์เช่นเคยใส่รองเท้าเบอร์ประจำไม่ว่าจะเล่นกีฬา วิ่ง ใช้เบอร์ 40 หากต้องใส่เดินป่าต้องซื้อเบอร์ 41 โดยเหตุผลที่ว่าช่วงเดินหากเดินมาเท้าจะบวม และถึงเท้าที่หนา รวมกับถุงกันทากแล้วเมื่อซื้อเบอร์ 41 จะใส่พอดี(ไม่ต้องกลัวหลวม หลวมใส่ได้ คับแน่นจะบีบเท้าเดินไม่สนุก
7. ไฟฉาย แม็คไลด์ 4 ท่อน 8 ท่อนน่ะ ข้อร้องเลยอย่าเอาไป ไม่จำเป็นขนาดนั้น หนักเปล่า ๆ เปลืองถ่าน ต้องแบกถ่ายสำรองไปอีก แนะนำ ขนาดเล็กๆ ใส่ถ่าน aa ขนาดสองก้อนก็พอ หรือไฟที่ใช้ชาร์ต ดูตัวอย่างได้แบบนี้
8. กระติกน้ำไม่ต้องเอาไปไม่ใช่ทหาร หรือลูกเสือ ใช้ขวดโพลาริสแทนได้ขนาดลิตรเศษ ๆ ไม่รั่วไม่แตกใส่เป้สพายหลังได้เลย พังก็ทิ้งไปไม่ต้องเสียดาย เดินในป่าเดี๋ยวก็เจอใหม่
9.มีดปกติแล้วทุกคนต้องนำไป คืบก็ป่า ศอกก็ป่า อันตราย เป็นพับอันเล็ก ๆ ก็พอไม่ได้ไปถางป่า สปาต้านะไม่ต้องเอาไปไม่ได้ไปรบกับใคร รบกับหญ้า อย่างเดียว
10.ยาประจำตัว แต่โรคเฉพาะทางเตรียมไปเองครับพี่น้อง (ก่อนออกเดินต้องบอกกันด้วยน๊ะว่ามีโรคประจำตัวอะไรกันบ้าง)
11. ทิชชู่ ผ้าอนามัสำหรับหญิง เตรียมไปอีกก็ดี
12. แชมพูสระผมขวดเล็ก ๆ สบู่ก้อนเล็ก ๆ แบบที่โรงแรมใช่ยิ่งดี แปรงสีฟัน บางที่ก็หยิบยืมกันบ้างถ้อยที่ถ้อยอาศัยกันครับ
13. ถุงพลาสติก จำเป็นมากเลย ไว้แพคทุกอย่างที่เปียกได้ (หาอยากมากก็ถุงดำใส่ขยะนี่แหละดีหาแบบหนา ๆ หน่อย)
14. เป้ เอาแบบชัวร์ ๆ(อันนี้สำคัญมากเลย แบบใช้ในป่า ไม่ใช่แบบเดินในเมือง เอาแบบแน่นหนาหน่อย ที่สำคัญแพคของส่วนตัวได้หมด
15. ฟลายชีส(Flysheet)หมายถึง ผ้าคุมเต้นท์ ผ้าเต้นท์ อันนี้ก็สำคัญอย่างยิ่งช่วงหน้าฝน หน้าหนาวหากหมอกตก ฝนลง หรือฝนหลงฤดูมาละก็นอนไม่ได้เลยนะ
16. ไฟ ใช้เทียน แทน ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เชื้อไฟ ให้แสงสว่าง ถ้าเป็นตะเกียงใหญ่ ๆ ไม่ต้องเอาไปไม่มีใครช่วงแบกน๊ะ
17. หม้อสนาม(ถ้ามี) จาน ชามพลาสนิก ช้อน 1 ใบ เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ โอวัลติน ใครอยากกินอะไรก็แบกเอาไปเอง มีแฮลกอฮอร์สักหน่อยก็ OK.
18. เปล ใช้เปลธรรมดาผ้าร่มทั่ว ๆ ไปนี้แหละ ดูเชือกผูกด้วยน๊ะว่ารับน้ำหนักเราได้หรือเปล่า ใช้แบบธรรมดาก็ได้ เปลมุ้งจะหนัก รับรองให้ไม่มียุง
19. กล้อง เตรียมชาตร์แบตเตอรี่สำรองไปด้วยมีหลายก้อนก็จะดี ความอยากลำบากมีหลายหนหลายครั้ง แต่ความสำเร็จนะมีไม่มากหนักเตรียมถุงพลาสติกไปใส่กันน้ำด้วยน๊ะ
20. ขาตั้ง คิดว่าเป็นมือโปร หรือเปล่า ถ้าเป็นมือโปรก็แบกไปได้ เล็ก กระทัดรัดหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่มือโปรก็ไม่จำเป็นมาก ใช่ดุลพินิจเองก็แล้วกัน(หนักไม่มีใครช่วยน๊ะ)
21.โทรศัพท์มือถือ ก็แล้วแต่แต่ที่เคยไปบางช่วงก็มีสัญญาต บางช่วงก็ไม่มี เอาแน่เอานอนไม่ได้
อันดับสุดท้าย เตรียมข้าวสารไปครึ่งกิโลกรัม บะหมี่ซักสองซอง ปากกระป๋องซักกระป๋อง เก็บไว้เป็นของส่วนตัวไปไหนไปด้วย อาจจะเป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในโลกก็ได้

ทดลองจัดของเหล่านี้ดูแล้วใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมไว้ของเหล่านี้ดูไม่มากมายหนัก แต่หากเดินนาน ๆ ก็หนักเอาเรื่องเหมือนกันน๊ะจ๊ะ

ดี.ร้าย.แล้วแต่ใครจะมอง





มีเรื่องจะเล้าให้ฟัง เป็นเรื่องที่น่าสนใจและนำไปฝึกกับคนเองหรือเป็นสิ่งทีจะช่วยให้เรามีสติ คิดในหลาย ๆ
สิ่งหลาย ๆ อย่างได้เรื่องนี้เป็นเรื่องเล้าต่อ ๆ กันมาเรื่องมีอยู่ว่า

หญิงสาวคนหนึ่ง หงุดหงิดใจกับเหตการณ์ที่ๆทำงาน ที่เกิดขึ้นทุกวัน
เนื่องจากในออฟฟิศของเธอนั้น มีแต่คนที่ชอบให้ร้ายกันและกันเสมอ............
ดี...ร้าย ...แล้วแต่ใครจะมอง **

บ้างก็จับกลุ่มนินทาผู้อื่น บ้างก็ชอบจับกลุ่มบ่นระบายเรื่องไม่พอใจและปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน หัวหน้าที่ชอบดุด่า เพื่อแสดงอำนาจ ลูกน้อง ที่แอบนินทาว่าเจ้านายลับหลัง หญิงสาวจึงมาทำงานทุกวันด้วยความเบื่อหน่าย และอยากจะลาออกไปให้พ้นๆๆ จากบริษัทแห่งนี้ ทุกๆวันเธอจึงเฝ้าแต่มองหาที่ทำงานใหม่ ที่เธอคิดว่า สังคมในการทำงานจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

วันหนึ่ง หญิงสาว ไปท่องเที่ยวที่วัด ๆ หนึ่ง มีสุนัข 2 ตัว กำลังยืน ประจันหน้า และพร้อมที่จะเข้ากัดกัน ต่างฝ่าย ต่างก็ ขู่ คำราม เสียงดัง เป็นที่หนวกหู แก่ผู้คน ด้วยความรำคาญ หญิงสาว จึงเข้าไปไล่สุนัข เมื่อ ถูกไล่ ก็ วิ่งหนีไปด้วยความกลัว แต่ไม่ช้า สุนัข ทั้งสอง ก็กลับมา คำราม ขู่กัน ในพื้นที่เดิมอีก หญิงสาว ก็เดินเข้าไปไล่มันอีก มันก็ วิ่งหนี และกลับมา แบบเดิมอีกหญิงสาว ไล่สุนัข จนเหนื่อย รู้สึกรำคาญ กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เธอเริ่มคิดว่า ทำไม? วัดนี้ไม่มีคนมาคอยดูแล คอยไล่สุนัข เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่มาวัด แถมสุนัขจรจัดก็มีมาก สร้างความสกปรก และความรำคาญให้แก่ผู้คน และแล้วก็มีพระเดินผ่านมา เธอจึงเอ่ยปาก ถาม ขึ้นว่า

" หลวงพี่ ไม่รำคาญเสียงสุนัข บ้างเลยหรือ มันเห่าเสียงดัง ทำไมไม่ไล่มันไปเสีย " พระหนุ่มจึงตอบว่า
" เราไม่เห็นได้ยินเสียงเห่าของสุนัขเลย โยม จะให้รำคาญได้อย่างไร" หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
" เอ๊ะ หลวงพี่ เสียงหมาเห่าออกจะดังขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ได้ยินเหรอ"
" หูอาตมาไม่ได้หนวก เสียงสุนัขนะได้ยิน อยู่
แต่อาตมาได้ยินว่ามันทะเลาะกัน เดี๋ยวทะเลาะกันเหนื่อย มันก็เลิกไปเอง ไม่เห็นได้ยินเสียงเห่า ว่า น่ารำคาญ อย่างที่โยม บอกว่าแต่โยม เถอะ ไปทะเลาะกับสุนัข 2ตัว นั้น ด้วย เหรอ ถึงได้ หงุดหงิดเดือดเนื้อร้อนใจ ไปกับมันด้วย ? "

หากเรามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความทุกข์
แต่เป็นเพียง เรื่องโชคร้าย ที่ผ่านเข้ามาในบางจังหวะของชีวิต
เราก็จะไม่ทุกข์ และจะมีกำลังใจที่จะต่อสู้ กับเหตุการณ์โชคร้ายที่จะเกิดขึ้นได้
เราปฎิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ทำให้เราร้อนรนจิตใจ ถ้าเราเพียงแค่มองสิ่งเหล่านั้น ด้วยการมีเมตตา เราจะสามารถรู้สึกสงบ และเป็นสุขได้การมีชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

การฝึกมองทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ด้วยความเมตตา จะเป็นเกราะป้องกันจิตใจเรา ให้อยู่ห่างไกลจากความทุกข์และจะรู้สึกเบาสบาย เป็นสุขได้ทุกเวลา

การมีชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย.....
การฝึกมองทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ด้วยความเมตตา
จะเป็นเกราะป้องกันจิตใจเรา ให้อยู่ห่างไกลจากความทุกข์
.และจะรู้สึกเบาสบาย เป็นสุขได้ทุกเวลา.....


21 พ.ค. 2553

เรื่องดี ๆ ประตูสองบาน

เรื่อง ประตูสองบาน
ประตูมีหลายแบบ
ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน


บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง
ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก


และใช้ชีวิตแบบผลัก
ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน


ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก
ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาแก้ไม่ได้ หรือประตูเปิดไม่ได้

หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้ ' ความคิด '
เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย

โดยธรรมะของท่าน ว.วชิรเมธี











เสริมดวงชะตา ต่ออายุ



สวด อิติปิโส เท่าอายุ เพื่อเสริมดวงชะตา ต่ออายุ

โดย ตั้งนะโม 3 จบ


อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ

วิชาชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู

อะนุตตะโร ปุริสะ ทัมมะสารถิ

สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ


(ให้สวดเกินอายุ 1 จบ เช่น อายุ 38ปี ให้สวด 39 จบ)

ภูกระดึง ปฐมบทแห่งนักเดินป่า 28-30 พค.53


ช่วงปลายเดือนนี้มีทริปเดินป่าขึ้นภูกระดึงปลายร้อนค่อนหน้าฝน มีใครสนใจว่าง ๆ เดินออกกำลังกายกันที่ภูกระดึงไม่โหด เดินสบาย ๆ งานนี้มีที่พักจองบ้านไว้กำหนดการเดินทางวันที่ 27 พฤษภคม 53 เวลาประมาณ หกโมงเย็นรถตู้ออกที่หน้ากรมอนามัย
วันที่ 28 พค.53 เดินขึ้นภูกระดึง
วันที่ 29 พค 53 เดินลง มีเวลาอาจไปเที่ยวต่อที่ไหนยังไม่รู้ได้
วันที่ 30 พค.53 เดินทางกลับ ถึงจังหวัดนนทบุรีคงค่ำ ๆ สนใจคลิ๊กดูตามนี้

17 พ.ค. 2553

7 ข้ออ้างไม่ออกกำลังกาย



ข้ออ้างที่ 1ไหนจะงาน ครอบครัว เพื่อนฝูงจะเอาเวลาไหนไปออกกำลังกาย
ซึ่งปกติแล้วไม่จริงเลยสำหรับข้ออ้าง ทดลองหันมาออกกำลังกายตอนเช้าดูบ้าง ตื่นให้เร็วขึ้นสักนิด แล้วคุณจะรู้ว่า เวลาที่ว่าไม่มี ครอบครัว เพื่อนฝูงก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ข้ออ้างที่ 2 “ไม่ชอบออกกำลังกายเพราะเหนื่อย”
ปกติแล้วการออกกำลังจะทำให้เหนื่อย แต่หากเรานึกถึงอย่างอื่นเสียความเหนื่อยก็จะหายไป “ขณะออกกำลังกายอย่านึกถึงความเหนื่อย”

ข้ออ้างที่ 3 “ต้องออกเดินไปต่างจังหวัด เดินทางตลอดเวลา ทำให้ไม่ได้ออกกำลังกาย”
ข้ออ้างข้อนี้จะเป็นปกติสำหรับคนที่ทำงานและต้องออกปฏิบัติงานต่างจังหวัดบ้าง ในต่างจังหวัดหากดูแล้วจะมีเวลามากกว่าการปฏิบัติงานปกติเสียอีก อันนี้จึงไม่ใช่ข้ออ้าง “วิธีแก้ก็ออกกำลังกายหลังจากเลิกประชุม อบรม แล้วจึงใครไปทำอย่างอื่น”

ข้ออ้างที่ 4 “ไม่พร้อม เตรียมตัวไม่พร้อมทุกที”
จะได้ยินบอย ๆ ว่าวันนี้ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา วันหน้าก็แล้วกัน อีกวันก็ไม่ได้เตรียมรองเท้ามา ไม่มีเพื่อนออกเลย “วิธีการที่จะแก้ปัญหาจัดเตรียมกระเป๋า เสื้อผ้าสำรองไว้ตลอดเวลา หรือล่วงหน้าไว้ เตรียมเสื้อผ้าให้พอกับวัน เก็บไว้ที่ทำงาน ช่วงกลับก็เอากลับไปซักที่บ้าน

ข้ออ้างที่ 5 “เป็นหวัด ไม่ค่อยสบาย ออกกำลังกายไม่ไหว”
ข้อนี้คงจะแก้อยากหน่อย แต่คนเราต้องมีความซื้อสัตย์ต่อตนเอง ที่พูดว่าไม่ไหวนั้นไม่ไหวจริงหรือเปล่าหรือเป็นเพียงแต่คำพูดเท่านั้น

ข้ออ้างที่ 6 “ขาดความหมั่นใจที่จะไปออกกำลังกายคนเดียว”
ในสถานที่ทำงาน หรือที่บ้านคุณไม่มีเพื่อนเลยหรือ รองหาเพื่อนแล้วออกกำลังกายน้อย ๆ ไปหามาก แต่งชุดให้รัดกุม แล้วจะเกิดความหมั่นใจขึ้นอยู่เยอะจะอ้วน ผอม สวย ไม่สวย ไม่ใช่ปัญหา อยู่ที่ความหมั่นใจครับ

ข้ออ้างที่ 7 “ อารมย์เสีย หงุดหงิด เมื่อต้องไปรอเครื่องออกกำลังกาย”
ออกกำลังกายที่บ้าน มีวินัยกับตนเอง หรือชวนเพื่อนไปเล่นกีฬาที่ตนเองชอบเช่นตีแบดมินตัน หรือซื้อเครื่องออกกำลังกายกายมาออกที่บ้านเลย แต่ต้องแน่ใจนะว่าคุณมีวินัยต่อตนเอง

เขาเย็น ความมืดมนต์ที่ยังไม่มีผู้ใดค้นพบ
















ช่วงปีเก่า ตอนรับปีใหม่ที่ผ่านมามีน้อง ๆ หลาย ๆ คนบ่นว่าช่วงนี้หยุดหลายวันพี่ต๋อยไม่จัดทริปเข้าป่า ผมตอบไปว่าจะเข้าป่าตอนนี้มีคนกี่คนแล้ว คำตอบที่ได้ตอนนี้มีหนูสองคน แจ็ค กับจิม สองพี่น้องที่เคยร่วมเดินพิชิตยอดโมโกจูช่วงปลายปีที่แล้วมา แต่ผู้ที่ริเริ่มที่จะให้เดินป่าช่วงปีใหม่กับเป็นน้องมุกทีมเดียวกัน แต่ผู้ริเริ่มกับติดงานด่วนไปไม่ได้เมื่อไปไม่ได้ นัดน้อง ๆ ไว้แล้วก็ต้องเลยตามเลย คำถามแรกที่ถามน้อง ๆ ถามว่าจะไปเดินที่ไหนกันดี ผมเองมึนอยู่เหมือนกันว่าจะไปเดินที่ไหนดีโดยยังไม่ให้คำตอบนั่งคิดอยู่พักใหญ่จึงยกโทรศัพท์ขึ้นติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าช่วงนี้ว่างหรือเปล่าคำตอบที่ได้ “ว่างพี่” พี่จะไปไหนละครับ ยังนั้นผมเดินเข้าน้ำตกคลองโป่ง คลองน้ำแดง และเดินออกทะลุเต่าดำเลยได้ไหม คำตอบที่ได้รับ “ได้เลยครับพี่” แล้วพี่จะมาวันไหน อย่างนั้นวันที่ 30 ธันวา ช่วงประมาณ 9 โมงเช้ารอผมที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าเลย จากนั้นผมก็ติดต่อเพื่อน ๆ ที่คิดว่าว่างจากนั้นก็โทรศัพท์จวนเพื่อน ๆ ก็มีคนตอบรับมาได้แก่ ต๋อย เอก นุ่น แจ๊ก จิม ขวัญ คนขนาดนี้ก็โอ เค แล้ว จากนั้นก็นัดเวลากัน เอกรัฐ นุ่น ขวัญ อยู่กรมวิทย์ใกล้ที่ทำงานของผมนี่เอง ส่วน แจ็ค จิ่มสองพี่น้องทำงานที่โรงพิมพ์ และพักอยู่แถวซอยอารีย์ ตกลงเวลากันก็ประมาณ สามทุ่มใครมาก่อนมานั่งรอที่ป้ายรถเมย์โรงพยาบาลศรีธัญญา ได้เวลา ทุกคนมาพร้อมกันออกเดินทางได้เลย ไปเช้าที่ตลาดวังเจ้า ซื้อเสบียง อาหาร ของใช้ที่จำเป็นสำหรับเข้าป่าเรียบร้อยแล้ว เดินทางเข้าอุทยานฯ กว่าจะถึงอุทยานก็เข้าเวลา 9โมงกว่า
เขาเย็น อยู่ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้ายังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเพราะพื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งความอยากลำบากในการเข้าไป น้ำตก “เขาเย็น” เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 300 เมตร ตกจากหน้าผาสูงลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งการเข้าสู่น้ำตกเขาเย็นได้จะต้องไปช่วงที่มีน้ำน้อย ๆ หรือช่วงที่ฝนตกไม่ตกแล้ว หากเป็นช่วงฝนตกน้ำจะมาก การเดินขึ้นจะต้องเดินย้อนขึ้นไปสวนกับน้ำที่ตกลงมา ต้องมีการปีนป่ายหน้าผา หากเป็นช่วงน้ำมากจะอันตราย เข้าถึงได้อยากมากลองมาดูภาพที่ขึ้นสู่น้ำตกเขาเย็น และยอดเขาเย็นซึ่งเป็นยอดเขาที่มีความสูงมากกว่า 1900 เมตรจากระดับน้ำทะเล

14 พ.ค. 2553

ทำไม ทำไม น้ำตกจึงสวย...



ในช่วงเดือนสองเดือนนี้อากาศร้อนอบอ่าง ฝนฟ้าไม่ตก ทำให้นึกถึงสถานที่ที่จะทำให้ความร้อนจากร่างกายได้คลายลงบ้าง หากทุกคนเดินทางไปช่วงวันหยุดก็จะพบป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย และสถานที่หนึ่งที่จะพบเห็นได้บ่อยมาก ได้สถานที่แหล่งท่องเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติต่าง ต่างที่เขียนและมีสัญญลักษ์บอก ปกติแล้ตัวของผู้เขียนเองมีความชื่อนชอบเที่ยวป่า เดือนป่า แม้นว่าแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะลำบาก ใกล้ แต่สิ่ง ๆ คือความใฝ่ฝัน แม้ว่าเขาจะสูงสักเพียงใด แต่ก็ไม่เกินเข่าของนักท่องเที่ยว และเที่ยวน้ำตก ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้ทุกคนที่ได้เข้าไปสัมผัสแล้วไม่มีวันลืม ป้ายบอกทางไปน้ำตก จึงเห็นอยู่ทั่วไป น้ำตกนั้นบ้าง น้ำตกนี้บ้าง คุณเคยคิดบ้างไหมว่า “ทำไมน้ำตกจึงสวย” แล้ววคุณละคิดเหมือนกันหรือไม่ว่า ทำไม่น้ำตกจึงสวย ถ้าคุณคิดอย่างนั้นลองอ่านเรื่องนี้ดู

พ่อ : รู้มั้ยลูก...ทำไมน้ำตกถึงสวย
ลูก : ก็เพราะมันเป็นน้ำตกไงคะพ่อ
พ่อ : ไม่ใช่หรอกลูก ที่น้ำตกสวยน่ะเพราะน้ำตกไม่ยอมเก็บน้ำไว้ในชั้น
ของตัวเองต่างหาก
ลูก : หมายความว่าไงครับพ่อ
พ่อ : ลูกสังเกตไหมล่ะว่า เวลาน้ำตกตกลงมาจากชั้นหนึ่งแล้ว นั้นก็จะถูกส่งต่อลงไปอีกชั้นหนึ่งทันที เพราะวิธีนี้ที่น้ำตกไม่เห็นแก่ตัวแต่ยอมส่งน้ำที่ตกมาจากชั้นอื่น..แล้วส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ น้ำตกถึงสวย และน้ำตก จึงยังคงเป็นน้ำตก.ที่มีเสน่ห์ไงละ


ข้อคิดจากเรื่องนี้จากผู้เป็นพอ่ อย่าลืมน่ะลูก ถ้าลูกอยากให้ตัวเองเป็นคนที่น่ารักสวยลูกควรจะเป็นอย่างน้ำตก หากมีสิ่งดี ๆ ตกมาถึงตัวลูก อย่าเก็บสิ่งดี ๆ นั้นไว้คนเดียว ลูกต้องเรียนรู้ที่จะแบ่งปันออกไปให้มากที่สุด มีก็แต่คนที่ "ให้"ออกไปเท่านั้นแหละลูกจึงจะเป็นคนที่ "ได้รับ"อย่างแท้จริง...

ดั่ง ที่ได้อ่านกันมาแล้วข้างบนเมื่อคุณได้รับสิ่งดี ๆ แล้วก็อย่าเก็บไว้คนเดียวนะ แบ่งปันสิ่งที่ดีและสวยงามให้คนที่คุณรักและ รู้จักนะครับ แล้วจะได้ความรัก สิ่งที่ดี ๆ นั้นกลับมาตอบแทน


จากธรรมะสวัสดี

สำหรับสิ่งที่ดี ๆ ที่มอบให้



ผมได้รับข้อความนี้จากเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้เลือกไปแล้ว ผมเองก็ต้องเลือกเหมือนกัน
แล้วคราวนี้ตาพวกคุณบ้างแล้วล่ะที่จะต้องเลือกบ้าง ลองมาดูสิว่าคุณ ๆ จะเลือกอะไร

เรื่องมีอยู่ว่า.....
ชายคนหนึ่งเคยลงโทษลูกสาววัย 5 ขวบของเขา
เพราะนำเงินไปซื้อกระดาษห่อของขวัญสีทองม้วน
หนึ่งซึ่งมีราคาแพง


ในขณะที่การเงินที่บ้านฝืดเคือง และเค้าก็อารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อลูกสาวของเขานำกระดาษสีทองราคาแพงนั้น มาห่อกล่องของขวัญเพียงเพื่อตกแต่งไว้ใต้ต้นคริสต์มาส แต่กระนั้น...ลูกสาวตัวน้อยก็ได้มอบกล่องของขวัญนั้นให้พ่อของเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น และพูดว่า ' นี่สำหรับพ่อค่ะ ' พ่อของเธอกระอักกระอ่วนกับอาการที่ได้แสดงออกไปก่อนหน้านี้
แต่แล้วความโกรธก็ได้พุ่งพล่านขึ้นอีกครั้งเมื่อ
เขาพบว่ามันเป็นเพียงกล่องเปล่า
เขาพูดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า

' ลูกไม่รู้จริงๆอย่างนั้นหรือว่าการจะให้ของขวัญใคร
มันจะต้องมีอะไรอยู่ในกล่องของขวัญด้วย ? '
เด็กน้อยมองไปที่พ่อของเธอด้วยน้ำตา
และพูดว่า ' โอ...พ่อจ๋า มันไม่ใช่กล่องเปล่าเลย หนูเป่าจูบเข้าไปจนเต็ม '

ชายคนนั้นสะอึก ตัวชาด้วยความเสียใจ
เขาทรุดตัวลงแล้วโอบกอดลูกสาวไว้แน่น

เขาขอให้ลูกสาวยกโทษให้เขา
กับท่าทางโกรธเกรี้ยวเกินเหตุของเขา

ต่อมาไม่นานอุบัติเหตุก็ได้คร่าชีวิตลูก
สาวของชายคนนั้นไป

และว่ากันว่าเขาเก็บกล่องของขวัญสีทองล้ำค่านั้น
ไว้ข้างเตียงตลอดชีวิตของเขาเลยทีเดียว

และเมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกท้อแท้ใจ
หรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ยากเย็นแสนเข็น เขาจะเปิดกล่องใบนี้
เพื่อหยิบจูบในจินตนาการขึ้นมาหนึ่งจูบ
แล้วรำลึกถึงความรักของลูกน้อย ที่ได้ใส่จูบนั้นไว้ให้เขา

ในความเป็นจริง ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
พวกเราทุกคนล้วนได้รับกล่องของขวัญสีทองซึ่ง
บรรจุด้วยความรัก ที่ปราศจากเงื่อนไข และรอยจูบจาก
ลูกๆ และจากครอบครัวของเรา

ไม่มีสมบัติใด ล้ำค่าไปกว่านี้อีกแล้ว

แล้วคุณทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรกระทบใจคุณเลยแม้แต่น้อยเชี่ยวหรือ

อย่างที่เห็นนี่ล่ะผมได้เลือกข้อ 1 ไปแล้วแล้วคุณละคุณเลือกหรือยัง

มองโลกในแง่ดี และปฏิบัตดี

และสำหรับคนทั่ว ๆ ไป ขอขอบคุณสำหรับ....

สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน
เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น

สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่
เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน

สำหรับภาษีที่ต้องเสีย
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ


สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้
เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง

สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีกิน

สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน
เพราะนั่นหมายถึงฉัน กำลังได้รับแสงแดด

สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีบ้านให้ดูแลรักษา

สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถ

สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด
เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่

สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน
เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถทำงานหนักได้

สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่

และสุดท้าย.......
สำหรับอีเมล์ที่ส่งมาหาฉัน
เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีเพื่อน


11 พ.ค. 2553

ใช่.....คุณยังไหว.....และคุณอ่านมันได้ไหม

ณุอาน่ได้มยั้

ถ้าคณุอาน่บทคาวมนี้ได้ คณุมีความคดิที่แขง็แรงพอสวคมรเลยนะ
คณุอาน่ได้หรอืเลป่าล่ะ มีแค่ 55 คนจาก 100 เท่านนั้แล่หะที่อาน่ได้
ฉนัไม่อายกจะเชอื่เลยว่าฉนัเข้าใจสงิ่ที่ฉนักำลงัอาน่อู่ยนี้ มนัเปน็ปฎกราากรณ์ของคาวมคดิของม์ษุยน ผลการศกึาษวจิยัจาก มวหายิทัาลย แบมคิร์จด ก่าลวว่า มนัไม่สคำญเลยว่าตวัอรัษกเยีรงถตอ้กูงหรอืไม่ในคำคำหนงึ่ มนัสคำญแค่ว่า ตวัอษักรแรกและตวัอษกัรตวัสดุทาย้ของคำ นนั้อู่ยในตนำแห่งที่ถกูตอ้ง ที่เลืหอนนั้มนัจะมวั่ซวั่อ่ายงไร คณุก็อาน่มนัได้อู่ยดี ไม่มีปหญัา ที่เปน็อาย่งนี้เราพะคาวมคดิของมษุน์ยนนั้ ไม่ได้อาน่ตวัอษกัรทกุตวัซกัหอน่ย แต่อาน่เปน็คำเตม็ ๆ คำ สดุยอดเลยใช่มยั้ล่ะ...ใช่เลย
แต่ยงัไงมผก็คดิว่าการสกะดมนัสคำญันะถ้าคณุอาน่บควาบมนี้ได้

ฉะนั้น ความสับสันวุ่นวายไม่ได้เป็นเหตุทำให้เราไปต่อไม่ได้ และเราไม่ควรจะวิตกจริตกับสิ่งต่างๆที่ประดังประดาถ่าโถมเข้ามาในชีวิตจน เกินเหตุ จงเผชิญกับมันเถิด แล้วคุณจะรู้ว่า คุณสามารถอ่านปัญหาที่ดูงงงวยได้ไม่ยาก และสามารถเผชิญหน้ามันต่อไปได้ และไปจนถึงความสำเร็จ

วินทร์ เลียววาริณ


จงใช้เพื่อเป็นที่ปรึกษาไม่ใช่นำทาง


เรียนรู้ที่จะรับคำวิพากษ์เช่นเดียวกับคำชมเพราะคำวิพากษ์ก็เหมือนยาขม ใช้เป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเองได้ คุณยังไม่สามารถที่จะมีความสุขได้จริง ๆ หากคุณยังอิจฉาความสุขของคนอื่น คนจำนวนมากไปไม่ถึงฝัน มิใช่ว่าพวกเขาอ่อนด้อยว่าคนอื่นหากเพราะว่าเขาทิ้งความอดทนไว้กลางทางต่างหาก เรียนรู้ที่จะอยู่กับการเปลี่ยนแปลง และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ใช้เวลาปัจจุบันไปกับอดีตและอนาคตเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า ทัศนคติต่อปัญหาสำคัญมากตัวปัญหาเอง ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นปัญหา มันก็เป็นปัญหา ถ้าคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ มันก็เป็นปัญหาใหญ่ และถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก มันก็รบกวนเราได้แค่ “ความไม่สะดวกเล็ก ๆ” ความเป็นมนุษย์ไม่ได้วัดการที่หน้าตา แต่ที่ขนาดของหัวใจไม่มีความมืดใดคงอยู่ตลอดกาล หนทางยิ่งขรุขระ การไปถึงจุดหมายยิ่งน่าจดจำ ไม่มีนิสัยเสียใดที่แก้ไม่ได้ อยู่ที่แก้ง่ายหรืออยากต่างหาก

ความสุขที่หายไป



(มันคือความเป็นจริง...)
บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม)หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย. ทำ...ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึงเรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ โอกาสที่พิเศษสุดแล้ว จงแสวงหา การหยั่งรู้ จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก จงใช้เวลากับครอบครัว คนที่รักให้มากขึ้น เพราะว่าเวลาของเราจะสิ้นสุดลงเมื่อไร ไม่มีใครรู้
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้เอาคำพูดที่ว่าสักวันหนึ่ง...ออกไปเสียจากพจนานุกรม บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น ทุกวัน ทุกชั่วโมงทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลยว่า เมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง