29 มี.ค. 2553

แม่กระสาแห่งอุทยานแห่งชาติแม่วงก์


"น้ำตกแม่กระสาพื้นป่าแม่วงก์

โดย ต๋อยแซมเบ้
กิ่งไม้เล็ก ๆ นำมากองรวมกันสิ่งที่ได้เป็นไฟที่ลุกโชน ให้ความร้อนแสงสว่าง สิ่ง
สำคัญสำหรับคนใช้ชีวิตในป่าในดง สายธารของแหล่งน้ำธรรมชาติหากไม่มีแสงสว่างจากไฟเรายังได้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ยุคสมัยหลายยุคที่ผ่านมา คนเราก็ใช้ประโยชน์จากไฟและแสงอาทิตย์เป็นปัจจัยในการดำรงชีพ ศาสตร์และศิลปะของการก่อไฟมีหลายหลากวิธีแล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคน
บางคนก็ใช้วิธีที่เคยเรียนมาสมัยเป็นลูกเสือ เนตรนารี แต่สิ่งที่สำคัญคงไม่หนี้ไปจากการใช้ชีวิตในป่าในสภาพที่เป็นจริง ทำจริง ปฏิบัติจริง ซึ่งการเข้าป่าครั้งนี้ไม่ได้มีจุดมุ่งหวังอะไรมากนักแต่อยากให้ทุกคนที่ร่วมการเดินป่าครั้งนี้ได้รู้จักชีวิตในป่า การเดิน การนอน รู้ว่าการใช้ชีวิตในป่าเป็นเช่นไร กลุ่มทีมของเราซึ่งประกอบด้วยคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในการออกเดินป่าระยะไกลครั้งก่อนซึ่งการเดินครั้งนั้นเป็นการเดินเพื่อพิชิตยอดเขาโมโกจูโดยมุ่งหวังเพื่อให้ถึงยอดเขาที่มีก้อนหินรูปเรือใบและเป็นความใฝ่ฝันของคนหลาย ๆ คนที่ขอให้มีโอกาสสักครั้งที่จะเดินขึ้นยอดเขาหินรูปเรือใบแห่งนี้ แต่สำหรับคนเดินป่าแล้ว ยิ่งสูงหมายถึงความลำบาก ทั้งการเดิน อาหาร น้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยในการใช้ชีวิตในป่าเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่จะต้องแบก เพื่อประทังชีวิต ของเหล่านี้ขึ้นสู่ที่สูงเป็นการเดินป่าที่เหนื่อย ทั้งอากาศที่เบาบางความเหนื่อยล้า ทั้งการก่อฟืนไฟ การคำนวณเรื่องข้าวปลา อาหาร ที่จะต้องนำไปให้พอเพียง สำหรับนักท่องเที่ยว ลูกหาบ ต่างกับการเข้าป่าครั้งนี้เป็นการเข้าป่าที่ผู้เขียนรู้สึกสบายใจมากที่สุด ต่างจากการพิชิตยอดโมโกจู จุดเริ่มของเราก็คงที่เดิมออกจากจังหวัดนนท์ ก็มืดแล้วโดยรถตู้ซึ่งผู้เขียนได้ซื้อมาใหม่ ถึงตลาดสลกบาตรก็เกือบตีหนึ่ง นั่งกินข้าวต้มร้านเดิม เติมด้วยของที่มีแอลกอฮอสักนิดหน่อย กว่าจะถึงบ้านพักเกือบตีสองทุกคนเข้านอนตามปกติที่เคยปฏิบัติกันมาจนผู้เขียนหลับไปเมื่อไร เวลาเท่าก็ไม่รู้ได้
เสียงไก่ขัน นกร้องเตือนเป็นสัญญาณ ว่าใกล้เช้า ผู้เขียนตกใจตื่นตีห้า ล้างหน้าแปรงฟัน
จากนั้นนก ก็เริ่มบรรเลงเพลงไพร ทุกคนก็เริ่มทะยอยกันตื่นที่ละคนสองคน ทำธุรกิจส่วนตัวกันเรียบรอยแล้วก็ออกเดินทางจากบ้านพักมุ่งสู่อำเภอคลองลาน ตลาดตอนเช้า โจ๊กเป็นอาหารที่เราทุกคนคุ้นเคยเป็นประจำ ข้าวเหนียว ไก่ทอด ย่าง เตรียมเป็นอุปกรณ์ตอนเที่ยงของทุกคน กว่าจะออกตลาดคลองลานได้ก็เข้าเกือบสองโมงกว่า ขับรถเข้าเส้นทางเดิมแถบไม่มีรถยนต์ตามเรามาเลย จนถึงอุทยานฯ ก็เก้าโมงแก่ ๆ เห็นจะได้ จากนั้นก็เข้าฟังการอบรมจากเจ้าหน้าที่ที่อธิบายถึงวิธีการเดิน ข้อห้ามต่าง ๆ ที่อุทยานให้ทำได้ ทำไม่ได้ เมื่อทุกคนเข้าใจก็เตรียมแบ่งสัมภาระ แบ่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ก็เกือบสิบโมงเช้าโดยปกติซึ่งเคยเข้าป่ามาการเข้าป่าครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดินป่าที่ไม่อยากหรือมีความลำบากมากนัก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่เองหรือนักท่องเที่ยวก็ถือว่าเดินป่าเข้าน้ำตกแม่กระสาเป็นทริปที่เดินที่สนุกทั้งในเรื่องพื้นที่การเดิน การหาอาหารในป่าเพื่อมาเสริมอาหารที่กลุ่มของเรานำไปไม่มากนักส่วนใหญ่จะเป็นผักกรูดเสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเกือบจะเป็นอาหารหลักสำหรับนักเดินป่าในทุก ๆ ทริปก็ว่าได้ แต่ในทริปของเราซึ่งปีนี้เป็นปีที่ไม่มีนักท่องเที่ยวทริปใดเลยที่เดินเข้าสู่น้ำตกแม่กระสาจึงเป็นเหตุให้พวกพืชผักต่าง ๆ ไม่มีใครเดินลงมาเก็บเพื่อประกอบอาหาร โดยปกติแล้วผักกรูดเป็นเฟริ์นชนิดหนึ่งเรียกว่าเฟืร์นผักกูด สามารถนำมาประกอบอาหารได้หากไม่มีคนหรือสัตว์มากินผักเหล่านี้จะไม่ผลิตยอดอ่อนแต่ในทางกลับกันหากมีคนมาเก็บหรือสัตว์มากิน ยอดอ่อนก็จะผลิตออกมาอยู่ตลอดเวลา น้ำในลำธารที่มีระดับที่ลดลงจากเดิมเมื่อเทียบกับเดือนพฤศิจิกายน ที่ผู้เขียนเองเดินขึ้นเพื่อสู่ยอดโมโกจูเป็นทริปแรกต่างกันอย่างมากราวกับหน้ามือกับหลังมือเลยที่เดียว ซึ่งในทริปนั้นฝนตกตลอดเส้นทางที่เดินจากอุทยานฯ มีความชุ่มช่ำตลอดเวลา ฝนตกเป็นระยะ เราต้องข้ามน้ำไม่ต่ำกว่ายี่สิบคลองเป็นคลองเล็กบ้างใหญ่บ้างตลอดเส้นทาง น้ำในลำธารเชี่ยว ลึกระดับเอวหรือระดับหัวเข่าเกือบทุกสาย แต่ครั้งนี้ตลอดเส้นทางมีแต่ความแห้งแล้ง มีน้ำเป็นช่วง ๆ เราเดินในช่วงแรก ๆ ซึ่งเนินแรกเจ้าหน้าที่ ลูกหาบเรียกว่า “เนินขี้แตก” เราผ่านเนินแรกไปด้วยความทุกลักทุเล พร้อมกับกลุ่มที่เดินขึ้นพิชิตโมโกจูกลุ่มของเราออกเดินไปพร้อม ๆ กัน คุยกันไป เฮฮา เล่าเรื่องต่าง ๆ ประสบการณ์ที่แต่ละคนได้ผ่านการเดินมาแล้ว เราเดินตามกันมาเรื่อย ๆ มาแยกกันตรงจุดที่จะเข้าน้ำตกแม่กระสา กลุ่มนี้ถูกทิ้งห่างมีหลงมาคนเดียวเดินพร้อมกลุ่มเราก่อนที่เราจะแยกออกเดินลงเข้าสู่ที่พักในวันแรก เราก็อธิบายให้เขาฟังว่าเดินตามทางไปเรื่อย ๆ อีกพักใหญ่ก็จะถึงที่พักให้คอยเพื่อนร่วมทางอยู่ที่นั่น จากนั้นเราก็เดินเบี่ยงขวาออกสู้เส้นทางน้ำตกแม่กระสาลัดเลาะตามป่าไม้ไม่ลำบากมากนัก ข้ามคลองแม่กระสา ถึงน้ำจะน้อยกว่าที่ผู้เขียนเคยมาเมื่อครั้งก่อน แต่น้ำก็ยังมีความเชียวพอควรกลุ่มเราค่อย ๆ ทยอยเข้าคลองกันที่ละคนสองคนไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปกันไป ช่วยกันถือไม้ที่ใช้จับข้ามน้ำจนถึงสุดท้ายก็คือผู้นำทางเรานั้นเอง พอข้ามน้ำได้ขึ้นบกเดินอีกนิดหน่อย ก็ถึงที่พัก เจ้าหน้าที่บอกว่าเราพักกันที่นี่ดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยเดินตัวเปล่าขึ้นสู่น้ำตกแม่กระสา เราวางสัมภาระ ทุกคนรู้หน้าที่ตนเองว่าเมื่อถึงที่พักแล้วควรจะทำอะไรกันบ้าง ทุกคนเตรียมผู้เปล กางเต้น ผู้เขียนเองเตรียมหาฟืน ก่อกองไฟ เตรียมหุ้งข้าว บางคนก็เตรียมอาบน้ำ แล้วแต่จะทำเพราะช่วงนี้ก็สามสี่โมงเย็นแล้ว เราทำธุรกิจส่วนตัวกัน จากนั้นเราก็เริ่มทำอาหาร นั่งกันตามอัทยาศัย ของที่แบกมาก็เริ่มทยอยนำมาวาง น้ำใส ๆ ในขวดพลาสติก แก้วไม้ไผ่สำหรับใส่จัดทำขึ้นกันเองโดยใช้ไม้ไผ่ป้องเล็ก ๆ ปาดให้เป็นลักษณะแก้ว ทำก้นให้แหลมเพื่อปักกับดินโดยไม่ล้ม จากนั้นเราก็เริ่มทำกับข้าว มื้อนี้เป็นอาหารที่เราเตรียมมา แกงจืดเป็นอาหารหลัก ผัดผักกูดใส่หมู่ น้ำพริก ส่วนจานชามก็ใช้ไผ่มาตัดเป็นป้อง ๆ ผ่าเป็นจานใส่ข้าว อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลุ่มที่กินข้าวก็เริ่ม กลุ่มที่ดื่มน้ำใส่ ๆ ก็เริ่มคุยกันไป เฮฮากันไป นิทานรอบกองไฟก็เริ่ม แล้วแต่ประสบการแต่ละคนว่ามีอะไรบ้าง ส่วนตัวผู้เขียนเองเข้าน้ำตกครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อสองสามปีก่อน ครั้งนั้นก็มีเรื่อง หลาย ๆ เรื่องที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องที่นำมาเล่าข้างกองไฟอยู่เสมอ ๆ เรานั่งคุยกันพักใหญ่บางคนก็ทยอยขึ้นเปลที่กางไว้เมืองช่วงบ่าย ยามค้ำคืนความเงียบ ความมืดค่อย ๆ มืดลง พักใหญ่ ๆ ผมผู้เขียนและเพื่อนผู้นำทางก็เอ่ยปาก เราไปซุปเปอร์มาเก็ตหาอาหารกันดีกว่า และแล้วผมลุกไปเอามีดที่แขวนไว้ที่ต้นไผ่ กระเป๋าคาดเอวที่ติดตัวอยู่เสมอ อย่างน้อยก็อุ่นใหญ่ว่ายังมีสิ่งป้องกันตนเองติดตัวไปด้วย เพราะเพื่อนผู้นำทางบอกว่าแถวนี้ก็เหมือนสถานที่อื่น ๆ เราออกหากิน สัตว์ป่าก็ออกหากินเช่นกัน และก็ใช้เส้นทางเดียวกัน เราเดินขึ้นเหนือน้ำส่องไฟไปทั่ว ๆ บริเวณแหล่งน้ำ สิ่งที่เราหาไม่ใช่สัตว์ใหญ่ แต่เราต้องการแค่อาหารเพื่อปะทังชีวิตและเสริมอาหารที่นำมาน้อยเท่านั้น “กบ” เราเดินลัดเลาะไปเรื่อย ๆ สักครู่ใหญ่เราก็เห็นเจ้าตาสีทับทิมนอนนิ่งอยู่ข้างตลิ่งชายน้ำ เราจับได้โดยไม่อยากนัก ซึ่งต่างจากกบที่อยู่ที่ท้องทุ่งนาที่มีความตื่นตกใจง่ายหากเห็นแสงไฟ แต่เจ้ากบทูต หรือกบภูเขาจะไม่สนใจไฟที่เราส่องใส่ แม้แต่เดินเข้าไปใกล้ ๆ มันก็ไม่สนใจ คืนนี้เราได้กบมา เกือบ 10 ตัว จึงเดินกลับที่พักพอแล้วสำหรับอาหารเช้าพรุ่งนี้ ส่วนอาหารเย็นช่วงเช้าค่อย ๆ หากเอาอีกครั้งหาแค่พอกินแค่นี้ก็พอแล้ว
ผมตื่นขึ้นมากก็ฟ้าสางแล้ว เดินไปล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมทำอาหาร วันนี้เรามีแกงกบภูเขา
ทุกคนตื่นเต้นสำหรับกบ อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อย แปลก สำหรับคนที่อยู่ในเมืองแล้วเป็นอาหารที่เลิดรส เรากินอาหารกันเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัว เดินเข้าสู่น้ำตกแม่กระสาในช่วงเช้าที่กินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว และเตรียมสัมภาระและอาหารกลางวันเพื่อนำไปรับประทานช่วงกลางวัน มีข้าวไปนิดหน่อย ส่วนใหญ่เป็นบะหมี่สำเร็จรูป ตัวผู้เขียนเองเดินตามกลุ่มไปพักใหญ่ ๆ ก็หันหลังลัดเลาะเพื่อ กลับเดินล่องลงมาตามสายน้ำ ที่เดินมา เดินตามลำน้ำมาเรื่อย ๆ มาจบบริเวณที่เราเดินข้ามน้ำเมื่อวานและลัดขึ้นทวนสายน้ำอีกสายที่ไหลมาจบกัน ผมเดินหาผักกูดไปเรื่อย ๆ สายตาก็สอดส่องไปทางซ้ายขวา ป่าช่วงนี้เงียบเสียจนหน้าใจหาย ผมใช่เวลาสองถึงสามชั่วโมงกับการหาผักกูดและสำรวจพื้น ผมเดิน ลงสู่ลำธารเพื่อหาอาหารซึ่งการเดินในลำน้ำเป็นการเดินที่อยากเพราะลำน้ำมีก้อนหินที่ถูกน้ำพัดพาเอาเศษไม้ เศษใบไม้มาเพื่อทับถมกัน ทำให้การเดินลื่น ไม่สะดวก ดังนั้นในบางช่วงจึงต้องเดินเรียบลำธารบ้างในบางที่ผู้เขียนเดินตามลำน้ำมาเรื่อย ๆ ออกบริเวณที่น้ำสองสายมาพบกัน เจ้าหน้าที่จะเรียกจุดนี้ว่าสามแยกซึ่งสายน้ำจากสองสายไหลมาจบกันไหลรวมกันเป็นคลองแม่กระสา และไหลลงไปพบกับครองอีกหลาย ๆ คลองได้แก่คลองแม่กี่ และคลองที่ไหลจากหน่วยแม่เรวา ลงไปพบกันเป็นสายธารใหญ่อีกครั้ง สายน้ำที่มีความเย็นฉ่ำอุดมไปด้วยปลาเวียนเป็นปลาภูเขาที่มีทั้งขนาดใหญ่และเล็กหลายขนาดปลาในน้ำแหล่งนี้ไม่มีใครเข้ามารบกวนจึงมีขนาดใหญ่ ผู้เขียนเองคิดอยู่เพียงในใจว่าหากมีข่ายเมื่อนำลงไว้ในลำธารช่วงที่เป็นวังน้ำที่มีปลามาอาศัยอยู่ในนี้จำนวนมากปลาคงติดจนข่ายแน่นอน ผู้เขียนเองเดินเก็บผักกูดไปเรื่อย ๆ ในตัวของผู้เขียนเองใส่กางเกงขาสั้น มีดที่ติดตัวเป็นประจำตัวเมื่อเข้าป่า และปืนสั้นอีกกระบอกคาดเอวในกระเป๋าคาดเอวไว้ตลอดเวลา ในป่ายามนี้มันช่างเงียบเสียนี่กระไรเมื่อเปรียบตัวเองกับป่าที่กว้างใหญ่ ตัวเรามีขนาดเล็กลงถนัดตา การอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา อยู่ในแผ่นกว้างของพื้นป่า ไม่มีสัตว์ให้เห็นนอกจากตกกระปูด นกระวังไพรที่ร้องมาเป็นระยะ ๆ ความเงียบของป่าทำให้ผู้เขียนเองต้องระวังตัวเองอย่างมากนึกเพียงในใจถึงคำพูดของพ่อตอนสมัยที่ยังเล็ก พอเคยเล่าให้ฟังเมื่อพอยังเป็นหนุ่ม ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าก็มีอายุสิบกว่าปี จนถึงขนาดนี้แล้วก็ป่าเกือบหกเจ็ดสิบปีแล้ว พอบอกว่าช่วงนั้นเดินเข้าป่าเพื่อไปหาก๋งที่ทำไร่อยู่ในป่า เดินไปก็เคาะต้นไผ่ไปเรื่อย ๆ เอาเสียงเป็นเพื่อน พ่อบอกว่าคืบก็ป่าศอกก็ป่า เข้าป่าอย่าประมาท จึงเป็นคำพูดที่จริงและไม่เคยล้าสมัยแม้นว่าวันเวลาจะแปลเปลี่ยนไป ผู้เขียนเองนึกถึงอยู่ตลอดเวลาในยามที่อยู่ในป่า มีด ปืนจะอยู่ในระยะที่สามารถคว้า หรื อจับนำมาใช้ป้องกันตัวได้ตลอดเวลา ยามนี้ก็เช่นกันมีดอยู่ในมือตลอดเวลา มองกวาดสายตาไปรอบ ๆ บริเวณสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบข้างว่ามีสิ่งใดผิดสังเกตบ้าง เสียงนกที่ร้อง เสียงกิ่งไม้ที่หักลงสู่พื้นเป็นระยะ ๆ เสียงก่อไผ่แตกเหมือนมีใครเอาไม้ขนาดใหญ่ไปตีแรงๆ ดังโป่ง ๆ มาเรื่อย ๆ ผู้เขียนเองเดินขึ้นไป ๆ และคิดเพียงในใจว่าสายน้ำแหล่งนี้มากจากจุดไหนของตนน้ำ แล้วเราจะเดินขึ้นไปถึงจุดไหน มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด เปรียบเสมือนชีวิตของมนุษย์เรา เราต่อสู้ดินรนเพื่อต้องการอะไร แย่งชิงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อวัตถุประสงค์ใดกันแน่ ต้องการความเป็นหนึ่ง หรือต้องการความสะใจที่ได้สิ่งที่เราต้องการมาครอบครองมันเป็นความสุขทางใจเช่นนั้นหรือ ความคิดเรื่อยเปื่อยทำให้เราคาดสมาธิ ความคิดกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังจากทางฝังด้านขวามือ สติ กลับมาอีกครั้ง สายตาหันไปทางทิศทางนั้นด้วยประสาททุกส่วนที่รับรู้ ตื่นตัวเต็มที่ หัวใจที่เต้นปกติเริ่มเต้นแรงขึ้น เร็วขึ้น แต่สิ่งที่ได้เห็นทำให้หัวใจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นนกที่หากินอยู่ชายน้ำ นกคงตกใจที่ได้ยินเสียงเดิน ไม่ใช่นกที่ตื่น คนเดินก็ตกใจเช่นกัน อย่างทีเคยบอกแล้วว่าป่าก็คือป่าหากมีสิ่งที่ผิดปกติจากธรรมชาติให้พึงสังเกต ต้องมีข้อสงสัยที่จะอยากรู้ว่าสิ่งนั้น สิ่งนี้คืออะไรเพราะสิ่งนั้นอาจหมายถึงอันตรายที่จะเข้ามาใกล้ตนก็เป็นได้ จากนั้นก็เดินเก็บผักกูดจนได้เวลาก็เดินร่องตามน้ำกลับมาเพื่อรอกลุ่มที่เดินขึ้นไปน้ำตก เริ่มหุงข้าว ทำอาหารไว้ส่วนหนึ่งเพื่อรอคนที่เดินกลับมาหิวจะได้รับกินได้เลย จนเวลาร่วงเลยสี่โมงเย็นกลุ่มที่เดินเข้าน้ำตกแม่กระสาก็เดินเข้าน้ำตกก็ทยอยเดินกลับ หลายคนโดนเห็บเกาะตามเสื้อผ้า ผิวหนัง สำหรับคนที่มีภารกิจอย่างอื่นก็เริ่มอาบน้ำ ส่วนผู้เขียนและผู้นำทางก็ทำอาหารและหุงข้าวเพิ่มเพื่อให้พอกับการรับประทานในช่วงเย็น
ก็เหมือนกับทุกค่ำคืนที่ผ่านมา สำหรับนักนิยมไพร นักเดินป่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชำนาญหรือเริ่ม
เดินป่าก็ไม่ต่างกัน ทุกคนเมื่อทำภาระกิจกส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็เริ่มลงนั่งล้อมรอบกองไฟ
คุยประสบการณ์ต่าง ๆ ในการเดินบ้าง ประสบการณ์ในการพบเห็น ทั้งในเรื่องที่เหลือเชื่อที่ไม่อาจจะเป็นจริงได้ ส่วนผู้นิยมน้ำสุรา ก็นั่งคุยกันไป ในคืนที่สองผู้เขียนและน้องผู้นำทางออกเดินสำรวจพื้นที่บริเวณรอบข้างที่พักเราเดินทวนน้ำขึ้นไปทางเหนือน้ำตกแม่กระสาส่องไฟไปมาตามลำธารเพื่อหาสิ่งหนึ่งที่มีชีวิตตามลำธารในยามค่ำคืนซึ่งทุกคนเรียกว่าเคโละ เราเดินไปเรื่อย ๆ และร่องกลับมาทางเดิมและเดินตัดลงไปช่วงก่อนถึงแค็มป์ที่เราตั้งขึ้นและเดินรัดเลาะไปลำน้ำอีกสายหนึ่งที่เราผ่านมาเมื่อช่วงเย็นที่ได้กล่าวข้างต้น เราได้สิ่งของที่เราต้องการพอที่จะนำมาประกอบอาหารในมื้อเช้าได้การหาอาหารในป่าเราหาเพื่อยังชีพและไม่มีการเก็บไว้รับประทานในวันต่อไป เราก็ออกหาอาหารใหม่ ช่วงกลางวันอาจจะเป็นจำพวกปลา ผักกูด ช่วงค่ำหรือดึกก็เป็นพวกเคโละ แต่เราจะหาเพื่อพอแบ่งกันกินเท่านั้น และเดินร่องลงตามน้ำอีกครั้งกลับแค็มป์ที่พัก เวลาก็ร่วงเลยไปกับเที่ยงคืนพอจัดการสิ่งเรื่องอื่น ๆเรียบร้อยก็เข้านอน อากาศวันนี้เริ่มจะหนาวพักเดียวความเงียบก็เข้าครอบและเสียงทุกเสียงก็เงียบลงเหลือแต่กองไฟที่ยังรุกส่องสว่างจนไม่รู้ว่าดับไปเมื่อไร
ตื่นตกใจอีกครั้งก็เช้าแล้วแสงสว่างจากแสงอาทิตย์ส่องผ่านกิ่งไม้ เห็นลำแสงพวยพุ่งลงสู่
พื้นดิน ผู้นำทั้งสองหุงหาข้าวปลาเรียบร้อยแล้ว อาหารที่หามาเมื่อคืนเริ่มทยอยนำมาปรุงอาหาร ต้มยำ วันนี้เราทำอาหารอย่างเดียว พร้อมเตรียมตัว
เดินกลับ ผักกูดแปลสภาพเป็นยำผักกูดใส่หมูทอดฝีมือของผู้นำตอน ปกติแล้วผักกูดส่วนใหญ่ที่ผู้นิยมไพรและเดินป่าส่วนใหญ่ทำผัดกูดน้ำมันหอย กินกับน้ำพริกที่เตรียมกันมาหรือน้ำพริกกะปิมันชั่งมีรดชาดที่ไม่มีอะไรเหมือนสำหรับเราชาวเดินป่าก็ถือว่าเลิศรดแล้ว ส่วนผู้นำสารท ก็ได้กล้วยหรือหยวกกล้วยนำมาแกงป่าใส่พริกแกงเป็นอาหารที่รดชาดแปลกไปอีกแบบหนึ่งเช่นกัน แกงจืดที่เตรียมมาอีกชามใหญ่ ๆเท่านี้ก็แสนวิเศษแล้วสำหรับอาหารเช้ ส่วนอาหารเที่ยงคงต้องเป็นแม่ครัวที่อุทยานฯ เราเดินถึงอุทยานก็ช่วงบ่าย ๆ กลับถึงจังหวัดนนทบุรีเที่ยงคืนสำหรบทริปนี้ แม่จะไม่สมดังใจเกี่ยวกับน้ำตกแม่กระสา แต่น้ำใจซึ่งให้กันและกันเต็มเปี่ยม...ดูรูปคลิ๊กที่นี่เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น